2.2 วัฒนธรรมการแต่งกายไทแสก
เครื่อง
แต่งกายของชาวไทแสก จากข้อมูลที่ได้จากชาวบ้าน
และจากรูปภาพชาวไทแสกสมัยโบราฯแต่งกายด้วยเสื้อผ้าทอเย็บมือมักมีสีดำ
หรือผ้าย้อมหม้อสีคราม จะเห็นได้ว่าชาวไทแสก ในสมัยรัชกาลที่ 7
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้ตั้งขึ้นเป็น ”เมืองอาท
มาต”
ขึ้นกับเมืองนครพนมใน ร. ศ. 1191 ปี พ.ศ.
2387 โดยให้ฑานบุดดี
เป็นหลวงเอกอาษา
จึงได้มีชนชั้นชาวไทแสก อยู่
3 กลุ่ม
กลุ่มที่ 1 ได้แก่ กลุ่มชนชั้นพื้นเมือง หมายถึง ชาวบ้านทั่วไป
กลุ่มที่
2 ได้แก่ กลุ่มชนชั้นกลาง หมายถึง ชาวบ้านที่อยู่ในกลุ่มที่ 1
เหนือชาวบ้านที่ฐานะดี แต่ได้แต่งกายมาร่วมงานเนืองในพิธีกรรมสำคัญ ๆ เช่น
พิธีต้อนรับเจ้าเมืองหรือพิธีต้อนรับแขกบ้านแขเมือง เช่น การแสดงแสกเต้นแสก
มุ่งเน้นความสวยงามเพื่อมาร่วมในงาน
บางครั้งเป็นกลุ่มชาวบ้านที่มีฐานะดี
จะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่มีสีสันสวยงามและนิยมตกแต่งด้วยเครื่องประดับตามฐานะของแต่ละคน
กลุ่มที่
3 ได้แก่ กลุ่มเจ้าขุนมูลนาย
เป็นกลุ่มที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าเมืองอาทมาตคณะกรรมการ เมืองอาทมาตรวมทั้งผู้หญิงผู้ชายที่สูงศักดิ์
ที่เป็นลูกหลานของเจ้าขุนมูลนาย กลุ่มนี้จะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่มีสีสันสวยงาม มักเป็นผ้าไหม
มีเครื่องประดับมากมาย
การแต่งกายสมัยโบราณของชาวไทแสก
จึงมีการแต่งกายอยู่สามรูปแบบ
โดยพิจารณาตามโอกาสในงานที่ไป
และแต่งกายตามชนชั้น ฐานะ ตำแหน่งหน้าที่การงาน มีลักษณะการแต่งกายดังนี้
การแต่งกายชนชั้นพื้นเมืองของชาวไทแสกในสมัยโบราณ
ชายชนพื้นเมือง นิยมไม่ใส่เสื้อ
แต่ถ้าใส่เสื้อลักษณะจะเป็นเสื้อสีดำแขนสั้นที่เป็นผ้าย้อมหม้อครา หรือผ้าฝ้ายด้ายดิบสีขาวธรรมชาติ
เป็นเสื้อคอกลมติดกระดุมหน้า
นิยมใช้ผ้าขาวม้านุ่งเป็นผ้ากระเตี่ยวหรือนิยมเป็นกางเกงขาก๊วยหรือกางเกงครึ่งท่อนหรือโสร่ง
นิยมใช้ผ้าคาดเอวหรือพาดบ่าด้วยผ้าขาวม้าที่เป็นลายตาล่องสีขาวหรือแดง ชายไม่นิยมใส่เครื่องประดับ
หญิงชนพื้นเมือง นิยมใส่เสื้อทั้งแขนสั้นและแขนยาว มัก
เป็นผ้าย้อมหม้อสีคราม
หรือผ้าฝ้ายด้ายดิบสีขาวธรรมชาติ
นิยมใส่เสื้อมะขามโค้งกับเสื้อคอกลม
นิยมใช้ผ้าแพรหรือผ้าขาวม้าพาดเบี่ยงไปหาไหล่ขวา
ผ้าถุงนิยมใส่ที่เป็นผ้าฝ้ายที่มีเชิงผ้าถุงหรือที่เรียกว่าตีนซิ่น
ผู้สูงอายุนิยมนุ่งโจงกระเบน บ้างครั้งนิยมใส่เสื้อแขนสั้นหมากกะแหล่ง
เสื้อนิยมเป็นทรงผ่าอกติดกระดุม ชาวแสกจะนิยมใส่ผ้าถุง 2 ผืน
ผืนที่อยู่ชั้นในนิยมเป็นสีธรรมชาติ
ปลายของเชิงผ้าถุงจะแลบออกมา
การแต่งกายชนชั้นกลางของชาวไทแสกในสมัยโบราณ
ชายชนชั้นกลาง นิยมใส่เสื้อสีดำแขนสั้น ที่เป็นผ้าย้อมหม้อคราม หรือผ้าฝ้ายด้ายดิบ
สีขาวธรรมชาติ เป็นเสื้อคอกลมติดกระดุมหน้า
นิยมนุ่งกางเกงขาก๊วย หรือกางเกงขาครึ่งท่อนหรือโสร่ง
นิยมใช้ผ้าคาดเอวและคาดบ่าด้วยผ้าขาวม้าที่มีลวดลายสีสันสวยงาม บางครั้งจะเป็นผ้าไหม นิยมเครื่องประดับที่คอ และมีกำไลที่ข้อเท้า
หญิงชนชั้นกลาง
นิยมใส่เสื้อสีดำแขนยาวที่เป็นผ้าย้อมหม้อสีครามหรือผ้าฝ้ายด้ายดิบสีขาว
ธรรมชาติ นิยมใส่เสื้อคอมะขามโค้งกับเสื้อคอกลม
นิยมเสื้อแขนกระบอกผ่าอกติดกระดุมที่ทำด้วยเปลือกหอย
นิยมใช้ผ้าแพรหรือที่เป็นผ้าไหมหรือผ้าที่มีสีสันสวยงามโดยเฉพาะสีแดงพาด
เบี่ยงไปหาไหล่ขวา ผ้าถุงนิยมใส่ผ้าถุงสีดำที่มีเชิงผ้าถุง
หรืที่เรียกว่าตีนซิ่น นิยมเครื่องประดับที่ผม ที่หู กำไลแขน
และกำไลที่ข้อเท้า
ชายหญิงชนชั้นกลางนี้มักเป็นชาวบ้านที่มีฐานะดี
และมักได้รับคัดเลือกให้ไปต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง เพื่อไปแสดงแสกเต้นสาก
การแต่งกายของชนชั้นเจ้าขุนมูลนายของชาวไทแสกในสมัยโบราณ
ชายชนชั้นเจ้าขุนมูลนาย นิยม
ใส่เสื้อแขนยาวสีขาวทรงราชประแต็น นุ่งโจงกระเบนด้วยผ้าไหม
บ้างครั้งก็ใช้ผ้าคาดเอวด้วยผ้าไหม บางครั้งก็ไม่ใช้ผ้าคาดเอว
นิยมประดับเครื่องยศที่หน้าอกเสื้อ
หญิงชนชั้นเจ้าขุนมูลนาย นิยม
ใส่เสื้อที่เป็นผ้าไหมหรือผ้าลายลูกไม้ คอตามสมัยนิยม
บางครั้งเป็นทรงคอมะขามโค้ง
แขนทรงตุ๊กตาแขนยาว เสื้อรัดรูปมีระบายปล่อยชายติดกระดุมด้านหลัง
กระดุมมักทำด้วย เปลือกหอย นิยมใส่ตุ้มหูที่เป็นเพชรเป็นพลอย
เป็นเงินเป็นทองประดับตามฐานะ
ที่ข้อเท้านิยมใส่กำไลทั้งสองข้างและกำไลแขนทั้งสองแขน
ใครมีฐานะดีก็ใส่กำไลหลายๆ อันมีทั้งเงินทองและนาค ผมนิยมไว้ผมสั้น
ถ้าไว้ผมยาวจะนิยมเกล้ามวย
บางคนนิยมสร้อยทองคำเกี่ยวสามรอบไปประดับผม
นิยมใช้ผ้าไหมหรือผ้าที่มีสีสรรสวยงามพาดเบี่ยงไหล่ซ้าย
ผ้าถุงนิยมใส่ผ้าถุงมีเชิงที่เป็นผ้าไหม
เครื่องประดับนิยมใส่กำไลข้อขา
กำไลแขน ข้างละ 4 อัน มีสร้อยสังวาล สร้อยคอ 3
ขนาดมีมากกว่า 3 เส้นขึ้นไป
โดยทั่ว ๆ ไป ชาวไทแสกไม่ว่าชนชั้นไหนจะนิยมเครื่องประดับเหมือนกัน
ขึ้นอยู่กับฐานะเหมือนกัน
มีน้ำมันทาผม
ผู้หญิงนิยมใช้เนียมซึ่งทำด้วยใบอ้ม ขมิ้น ใบกระแจะ รากต้นนมยาน โดยนำมาตากแดดให้แห้ง
บดให้ละเอียดคลุกเคล้าให้เข้ากัน เรียกว่าเนียม หวีทำด้วยเขาควายและหนามแท่ง ยาสีฟันใช้ถ่านไฟขี้ใต้ไหม้และ ดินทราย
เวลาดัดผมให้หยิกจะใช้ก้านต้นงิ้วดัดผมให้หยิกงอ รองเท้าส่วนมากไม่นิยมใส่รองเท้า ถ้าเป็นเจ้าขุนมูลนายจึงนิยมใส่รองเท้า
ซึ่งรองเท้าจะทำด้วยหนังควาย
ใช้อบเนียมเป็นเครื่องหอม
น้ำมันทาผม ใช้น้ำมันมะพร้าว น้ำมันหมู
ขมิ้นและใบอ้ม
น้ำหอมใช้กลิ่นของดอกไม้แทนน้ำหอม
เช่น ดอกมะลิ ดอกมันปลา
เป็นตัน
สมัยปัจจุบัน ไม่มีการแบ่งชนชั้นของชาวไทแสก แต่ชาวไทแสก
บ้านอาจสามารถยังรักษาความเป็นเอกลักษณ์ของเครื่องแต่กายประจำชนเผ่าไทแสก
ไว้ โดยผู้ชายชาวไทแสกนิยมใส่สีน้ำเงินเข้มมาแต่บรรพบุรุษ
ส่วนหญิงใส่ผ้าถุงมัดหมี่มีเชิง(มีตีนซิ่น)
ผ้าถุงลายมัดหมี่ชาวบ้านเห็นว่าเครื่องแต่งกายชาวไทแสกสามารถแต่งได้ทุกเวลา
เป็นชุดแต่งกายที่ราคาถูกประหยัด
ปัจจุบันชาวบ้านจะแต่งตามประเพณีเฉพาะเทศกาลทำบุญในหมู่บ้านเท่านั้น
และจาก
การสังเกตพบว่า
ชาวไทแสกทุกคนยินดีที่จะแต่งกายในชุดประจำชนเผ่าไทแสกสมบูรณ์แบบเมื่อมีการ
ต้อนรับคณะผู้มาเยือนเป็นพิเศษ เช่น
ในการประชุมสนทนากลุ่ม คณะของบริษัทนำเที่ยวชั้นนำ หรือ
คณะผู้มาศึกษาดูงานด้านวัฒนธรรมจากต่างจังหวัดมาเยี่ยมเยือน เป็นต้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น