1. ประวัติยาเบญจกูล
เบญจกูล หรือ พิกัดเบญจกูล
เป็นพิกัดยาที่ใช้กันมากในตำรับยาไทย เพราะว่าใช้ประจำในธาตุทั้ง 4 คือ
ดิน น้ำ ลม
ไฟ ในร่างกายของคนเรา ทั้งยังใช้แก้ในกองฤดู กองสมุฏฐานต่างๆ อีกด้วย
พระอาจารย์ท่านได้กล่าวสืบต่อกันมาว่า มีฤๅษี 6 ตน ซึ่งแต่ละคนได้ค้นคว้าตัวยาโดยบังเอิญ ตัวแต่ละอย่างนั้นมีสรรพคุณรักษาโรค และสมัฏฐานต่างๆ ได้
ซึ่งมีประวัติดังนี้
ฤๅษีตนหนึ่งชื่อ “ปัพพะตัง”
บริโภคซึ่งผลดีปลี เชื่อว่า อาจจะระงับอชิณโรคได้ (แพ้ของแสลง)
ฤๅษีตนหนึ่งชื่อ
“อุธา” บริโภคซึ่งรากช้าพลู เชื่อว่า
อาจระงับซึ่งเมื่อยขบได้
ฤๅษีตนหนึ่งชื่อ
“บุพเทวา” บริโภคซึ่งเถาสะค้าน
เชื่อว่า อาจระงับเสมหะและวาโยได้
ฤๅษีตนหนึ่งชื่อ
“บุพพรต” บริโภคซึ่งรากเจตมูลเพลิง
เชื่อว่า
อาจจะระงับโรคอันบังเกิดแต่ดีอันทำให้หนาวและเย็นได้
ฤๅษีตนหนึ่งชื่อ
“มหิทธิธรรม” บริโภคซึ่งเหง้าขิง
เชื่อว่า อาจระงับตรีโทษได้
ฤๅษีตนหนึ่งชื่อ
“มุรทาธร” เป็นผู้ประมวลสรรพยาทั้งหมดนี้เข้าด้วยกัน ให้ชื่อว่า
เบญจกูลเสมอภาค เชื่อว่า ยาเบญจกูลนี้
อาจระงับโรคอันบังเกิดแก่
ทวัตติงสาการ คือ อาการ 32 ของร่างกาย มีผมเป็นต้นและมันสมองเป็นที่สุด และบำรุงธาตุทั้ง 4ให้บริบูรณ์
ตัวยาแต่ละตัวในเบญจกูล
ใช้เป็นยาประจำธาตุได้ดังนี้
ดอกดีปลี ประจำธาตุดิน (ปถวีธาตุ)
รากช้าพลู ประจำธาตุน้ำ (อาโปธาตุ)
เถาสะค้าน ประจำธาตุลม (วาโยธาตุ)
รากเจตมูลเพลิง ประจำธาตุไฟ (เตโชธาตุ)
เหง้าขิง ประจำทวารของร่างกาย (อากาศธาตุ)
ชื่อ “ปัพพะตัง”
บริโภคซึ่งผลดีปลี เชื่อว่า อาจจะระงับอชิณโรคได้ (แพ้ของแสลง)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น