วันจันทร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2557

ตัวอย่างโครงงาน4



4. โครงงาน เรื่อง ผลของการรับประทานลูกอมและขนมขบเคี้ยวที่มีต่อฟันที่มาและความสำคัญ


                ขณะนี้มีลูกอมและขนมขบเคี้ยวประเภทขนมหวานและขนมอบกรอบบรรจุถุง จำหน่ายมากมายหลายชนิด   การโฆษณา การบรรจุห่อที่สวยงาม และสิ่งแจกแถม ทำให้เด็กๆ โดยเฉพาะวัยเรียนหลงใหลสิ่งเหล่านี้มาก เด็กส่วนมากคิดว่า ลูกอมและขนมขบเคี้ยวเป็นอาหารหลัก ถ้ารับประทานมากเกินไปทำให้ร่างกายขาดอาหาร สิ้นเปลื้องค่าใช้จ่าย  และการปฏิบัติไม่ถูกต้องหลังการรับประทาน เป็นสาเหตุสำคัญทำให้ฟันผุได้ ทำให้มีปัญหาที่มีมีผลกระทบต่อการเรียนการสอน จึงมีแนวคิดในการแก้ปัญหานี้โดยศึกษาการรับประทานลูกอมและขนมขบเคี้ยวที่มีต่อฟันผุของนักเรียน เพื่อให้ทราบข้อมูลสำหรับการป้องกันฟันผุ และรณรงค์ลดการรับประทานลูกอมและขนมขบเคี้ยว

 กรอบแนวคิด


  เด็กส่วนมากชอบ                            แป้ง

รับประทานลูกอม                              และ                                 กระบวนการหมัก                           กรด

และขนมขบเคี้ยว                                 น้ำตาล            โดยจุลินทรีย์ในช่องปาก




                                                                                                                                                            ทำลายเคลือบฟัน



 


                                                                                                                                                                ฟันผุ



วัตถุประสงค์

1.  สำรวจการรับประทานลูกอมและขนมขบเคี้ยวของนักเรียนชั้นม. 1-6 โรงเรียนมัธยมสิริวัณวรี 3 ฉะเชิงเทรา  ปีการศึกษา 2545

                2. ศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการรับประทานลูกอมและขนมขบเคี้ยวของนักเรียน

                3.  ศึกษาปัญหาฟันผุของนักเรียน

                4.  รณรงค์ลดการรับประทานลูกอมและขนมขบเคี้ยว

วิธีดำเนินงาน


สถานที่     โรงเรียนมัธยมสิริวัณวรี 3 ฉะเชิงเทรา ตำบลคลองตะเกรา อำเภอท่าตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทราระยะเวลา 1 สิงหาคม 30 พฤศจิกายน 2545

อุปกรณ์ 


                1.  แบบสอบถาม  400 ชุด

                2.  กระจกส่องฟัน   10 อัน

ประชากร


                ประชากรเป็นนักเรียนของโรงเรียนมัธยมสิริวัณวรี 3     ฉะเชิงเทรา ปีการศึกษา 2545   ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-6 จำนวน 20 ห้องเรียน รวมทั้งสิ้น  840  คน

กลุ่มตัวอย่าง


                สุ่มตัวอย่างแบบเจาะจงจากนักเรียนที่เคยรับประทานลูกอมและขนมขบเคี้ยว ทุกห้องเรียน ห้องละ 10 คน แบ่งเป็นชาย 5 คน และหญิง 5 คน รวมทั้งสิ้น 200 คน (ประมาณ 25% ของประชากรนักเรียน)    

วิธีการและการเก็บข้อมูล


                1.  สัมภาษณ์และตรวจสุขภาพฟันครั้งที่ 1  ก่อนรณรงค์ลดการรับประทานลูกอมและขนมขบเคี้ยว ผู้วิจัยนำแบบสอบถามไปให้กลุ่มตัวอย่างกรอกข้อมูล รับคืนด้วยตนเอง และตรวจฟันผุ ระหว่างวันที่ 1-6 กันยายน 2545 โดยใช้แบบสอบถามที่สร้างขึ้นเอง มีลักษณะดังนี้

                ตอนที่ 1   ข้อมูลส่วนตัว เป็นคำถามปลายปิด จำนวน 4 ข้อ ได้แก่

                                    1.1   เพศ

                                    1.2   อายุ

                                    1.3   รายได้ของครอบครัวต่อเดือน

                                    1.4   จำนวนเงินที่ได้รับเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆต่อวัน

                ตอนที่ 2   ข้อมูลการรับประทานลูกอมและขนมขบเคี้ยว  เป็นคำถามปลายปิด จำนวน 9 ข้อ ได้แก่

2.1   สิ่งที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกรับประทาน

2.2   ประเภทที่ชอบมากที่สุด

2.3   ช่วงอายุที่เริ่มรับประทานครั้งแรก

                                   2.4   จุดประสงค์ที่สำคัญที่สุดในการรับประทาน

                                   2.5   จำนวนเงินที่จ่ายต่อวัน

                                   2.6   จำนวนครั้งที่รับประทานต่อวัน

                                   2.7   ช่วงเวลาที่ชอบรับประทาน

                                   2.8   การปฏิบัติหลังรับประทาน

                                   2.9   ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับประโยชน์และโทษ

               ตอนที่ 3   ผลการตรวจสุขภาพฟัน

ผู้วิจัยตรวจฟันผุของกลุ่มตัวอย่างด้วยตาเปล่าและกระจกส่องฟันภายใต้การดูแลของอาจารย์ที่ปรึกษา เป็นคำถามปลายปิด จำนวน 1 ข้อ แบ่งเกณฑ์เป็นฟันปกติ และฟันผิดปกติ (ระดับน้อย ระดับปานกลาง และระดับมาก)

                2.  รณรงค์ลดการรับประทานลูกอมและขนมขบเคี้ยว

1.  จัดบรรยายสรุปผลการวิเคราะห์ข้อมูลให้แก่กลุ่มตัวอย่าง และจัดบรรยายเรื่องฟันและปัญหาสุขภาพฟัน โดยคณะวิทยากรจากโรงพยาบาลท่าตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทรา ในวันที่ 16 กันยายน 2545  จำนวน 1 ครั้ง

2.  ประชาสัมพันธ์หน้าเสาธงทุกๆวันจันทร์ของสัปดาห์ จำนวน 7 ครั้ง

3.  สัมภาษณ์และตรวจสุขภาพฟัน ครั้งที่ 2 หลังรณรงค์ลดการรับประทานลูกอมและขนมขบเคี้ยวผู้วิจัยนำแบบสอบถามไปให้กลุ่มตัวอย่างกรอกข้อมูล รับคืนด้วยตนเอง  และตรวจฟันผุ ระหว่างวันที่ 18-22 พฤศจิกายน 2545 โดยใช้แบบสอบถามที่สร้างขึ้นเอง มีลักษณะดังนี้

                               ตอนที่ 1    ข้อมูลส่วนตัว เป็นคำถามปลายปิด จำนวน 2 ข้อ ได้แก่

                                                   1.1   เพศ

                                                   1.2   อายุ

                                ตอนที่ 2   ข้อมูลการรับประทานลูกอมและขนมคบเคี้ยวเป็นคำถามปลายปิด จำนวน 2 ข้อ คือ

                                                   2.1   จำนวนครั้งที่รับประทานต่อวัน

                                                   2.2   การปฏิบัติหลังการรับประทาน

                                ตอนที่ 3   ผลการตรวจสุขภาพฟัน เช่นเดียวกับครั้งที่ 1

ผลการศึกษา


                ผลการศึกษาพบว่า ก่อนรณรงค์ลดการรับประทานลูกอมและขนมขบเคี้ยว  นักเรียนมีฟันผุ 42.5 % มากที่สุดในช่วงอายุ 13-15 ปี มาจากครอบครัวที่มีรายได้ต่อเดือนน้อยกว่า 3,000 บาท และได้รับเงินเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆต่อวันน้อยกว่า 50 บาท นักเรียนใช้กลิ่น รสชาติ เพื่อน และโฆษณาในการตัดสินใจเลือกรับประทาน  ส่วนมากชอบขนมอบกรอบบรรจุถุง  เริ่มรับประทานครั้งแรกอายุ 2-6 ปี  โดยมีจุดประสงค์เพื่อแก้หิว ใช้จ่ายวันละ 10-20 บาท รับประทานน้อยกว่า 5 ครั้งต่อวัน และมีช่วงเวลาไม่แน่นอน ส่วนมากไม่ทำอะไรหลังรับประทานและคิดว่าลูกอมและขนมขบเคี้ยวมีประโยชน์มากกว่าโทษ ต่อมาหลังรณรงค์ลดรับประทานพบว่านักเรียนมีฟันผุ ลดลง 19 % โดยลดจำนวนครั้งที่รับประทานต่อวัน  และเพิ่มการปฏิบัติตามหลักสุขอนามัยหลังรับประทาน คือ แปรงฟัน บ้วนปาก และดื่มน้ำ




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น