คำชี้แจง  ให้นักเรียนกาเครื่องหมาย  X ทับตัวอักษรหน้าข้อที่ถูกต้อง  
 ๑.  อวัยวะต่างๆ ของร่างกายแบ่งออกเป็นกี่ส่วน ?
              ก.  ๒ 
ส่วน          ข.  ๓ 
ส่วน          ค.  ๔  ส่วน
๒.   อวัยวะภายนอก คือ ?
              ก.  อวัยวะที่มองเห็นจับต้องไม่ได้
              ข.  อวัยวะที่มองไม่เห็นแต่จับต้องได้
              ค.  อวัยวะที่มองเห็นและจับต้องได้
๓.   ข้อใดไม่ใช่อวัยวะภายนอก ?
             ก. 
มือ               ข.  ผิวหนัง           ค. 
ปอด
๔.   ข้อใดคืออวัยวะภายนอก ?
             ก. 
ปอด            ข.  ผิวหนัง            ค. 
หัวใจ
๕.    ถ้ากระดองเต่าทำหน้าที่ห่อหุ้มร่างกาย  แล้วร่างกายของมนุษย์จะใช้อวัยวะส่วนใด ?
             ก. 
เส้นผม        ข.  เสื้อผ้า            ค. 
 ผิวหนัง 
๖.   ถ้าเราเป็นหวัดจะมีปัญหากับอวัยวะใด ?
              ก.  ตา                              ข.  หู                        ค.  จมูก 
๗.   มือและเท้าเป็นอวัยวะภายนอกที่มี “ อะไร ”
เท่ากัน ?
              ก.  ความกว้าง                  ข.  ความยาว            ค. 
จำนวนนิ้ว
๘.   การดูแลเส้นผมและหนังศีรษะอย่างถูกวิธีควรทำอย่างไร
?
                 ก.  ย้อมผม                   ข.  เป่าผม                        ค.  สระผมแล้วเช็ดให้แห้ง      
๙.   นักเรียนจะมีวิธีการป้องกันโรคผิวหนัง  ได้อย่างไร ?
                 ก.  อาบน้ำฟอกสบู่      ข. 
ใช้ผ้าจุ่มน้ำเช็ด          
ค.  ฉีดน้ำหอม
๑๐.
โรคที่เกิดขึ้นจากผิวหนังสกปรก คือโรคอะไร ?  
                ก.  โรคหวัด                 ข.  โรคปากเปื่อย           ค. 
กลากเกลื้อน
๑๑.   สิ่งใดไม่ควรใช้ร่วมกับผู้อื่น ?
                 ก.  ผ้าเช็ดหน้า  
          ข.  ยาสีฟัน                     ค.  รองเท้า
๑๒.    การตัดเล็บมือและเล็บเท้าให้สั้นอยู่เสมอนั้นมีประโยชน์อย่างไร
?
               ก.  ทำให้เล็บสวย      ข. 
ทำให้เล็บแข็ง         ค.  ทำให้เล็บสะอาดไม่มีเชื้อโรค
๑๓.   การมองดวงอาทิตย์ด้วยตาเปล่าจะทำให้เกิดผลเสียกับดวงตาอย่างไร
?
               ก.  อาจทำให้ปวดศีรษะได้
               ข.  อาจทำให้เป็นโรคตาแดงได้
               ค.  เพราะจะทำให้ตาบอดได้
๑๔.    เมื่อนักเรียนเป็นไข้หวัด  ไม่ควรสั่งน้ำมูกแรงๆ เพราะอะไร ?
                ก.  เพราะจะทำให้ตาอักเสบ           
                ข.  เพราะจะทำให้หูอักเสบ             
                ค.  เพราะจะทำให้จมูกอักเสบ
๑๕.  นักเรียนทราบหรือไม่ว่า “ วันครอบครัว ”  ตรงกับวันที่เท่าไหร่ เดือนอะไร ?
                  ก.   ๑๓ 
เมษายน ของทุกปี
                  ข.   ๑๔ 
เมษายน ของทุกปี
                  ค.  ๑๕ 
เมษายน  ของทุกปี
๑๖.  พ่อของพ่อเราเรียกอะไร ?
                 ก.  ทวด                                 ข.  ปู่                                    
ค.  ตา
๑๗.  แม่ของพ่อเราเรียกว่าอะไร ?
                ก.  ป้า                                     ข.  ย่า                                   ค.  ยาย
๑๘.  นักเรียนจะทำให้ครอบครัวมีความสุขได้อย่างไร
?
                ก.  เชื่อฟังพ่อแม่และผู้ใหญ่ในครอบครัว
                ข.  มีปัญหาไม่บอกให้ใครรู้
                ค.  ทำตามใจตนเอง
๑๙.  ก่อนไปโรงเรียนนักเรียนควรปฏิบัติตนอย่างไร ?
                ก.  ขอเงินค่าขนม                  ข.  ไหว้พ่อแม่และผู้ใหญ่               ค.  โบกมือลา  
๒๐.  ถ้านักเรียนมีปัญหานักเรียนควรปรึกษาใคร ?
                ก.  เพื่อนบ้าน                        ข. 
ทนายความ                   ค.   พ่อแม่
 ๒๑.  ใครทำกิจกรรมในครอบครัว ?
                ก.  ปัญญา รับจ้างล้างจาน      ข.  เรณู
ช่วยพ่อรดน้ำต้นไม้     ค.  วิไล 
นั่งดูโทรทัศน์
๒๒.   ใครเป็นผู้สร้างความสัมพันธ์ในครอบครัว ?
                    ก.  ต้อย 
ชวนเพื่อนมาเที่ยวบ้าน
                    ข.  ตุ้ม   
ชวนคนข้างบ้านไปเที่ยว
                    ค.  ตาล  
ชวนพ่อแม่ไปเยี่ยมปู่กับย่า
๒๓. 
การปฏิบัติตนเป็นเด็กดีของครอบครัวจะต้องทำอย่างไร ?
                    ก.  เป็นเด็กที่เคารพเชื่อฟังพ่อแม่
                    ข. 
เป็นเด็กที่แข็งแรง
                    ค.  เป็นเด็กเรียนเก่ง
๒๔.   จุดเด่นมีความหมายว่าอย่างไร ?
             
     ก.  จุดที่มองเห็นแต่ไกล
                   ข. 
ความสามารถเฉพาะตัว
             
     ค.  ข้อเสียของตนเอง
๒๕.  ข้อใดคือการสร้างจุดเด่นให้กับตนเอง ?
             
     ก.  ช่วยคนแก่ข้ามถนน
                   ข. 
แต่งตัวดีด้วยเสื้อผ้าราคาแพง
                   ค. 
ทำตัวเป็นนักเลง
๒๖.   นักเรียนชอบเลี้ยงสุนัขเพราะอะไร ?
          
       ก.  เลี้ยงตามเพื่อน  
         
        ข. 
เลี้ยงไว้เพื่อใช้แรงงาน
                  ค. 
เลี้ยงไว้เป็นเพื่อนดูเล่น
๒๗.  
ถ้านักเรียนเป็นคนที่ไม่กล้าแสดงออกควรแก้ไขอย่างไร ?
                  ก. 
อยู่ตามลำพังคนเดียว
                  ข. 
เข้ากลุ่มร่วมทำกิจกรรม
                  ค.  อยู่เฉยๆ
๒๘.  
การสร้างจุดเด่นและแก้ไขจุดด้อยมีประโยชน์ต่อตัวนักเรียนอย่างไร ?
                  ก. 
มีความมั่นใจและภูมิใจในตนเอง
                  ข. 
มีร่างกายแข็งแรง
                  ค. 
มีแต่คนเกรงกลัว
๒๙.   ข้อใดเป็นการสร้างความภาคภูมิใจให้กับตนเอง ?
                  ก. 
ชกหน้าเพื่อนที่โตกว่า
                  ข. 
ใช้แต่สินค้าราคาแพง
                  ค. 
ไม่ทิ้งขยะบนพื้นหรือแม่น้ำลำคลอง
๓๐.   ถ้านักเรียนอยากได้ของเล่นควรทำอย่างไร ?
                  ก. 
ขโมยเงินพ่อแม่ไปซื้อ
                  ข. 
ขอเงินพ่อแม่ไปซื้อ
            
     ค. 
เก็บเงินค่าขนมที่เหลือ
๓๑.   คนที่มีเพื่อนมากๆ มักจะมีบุคลิกอย่างไร
?          
                  ก. 
ร่าเริงแจ่มใส                   
ข.  ขี้โมโห                        ค.  พูดน้อย
๓๒.   จริงหรือไม่กับคำที่ว่า “ ทุกชีวิตที่เกิดมาล้วนมีคุณค่าเท่าเทียมกัน
” เพราะเหตุใด ?
         
        ก. 
ไม่จริง  เพราะมีคนจนกับคนรวย
        
         ข. 
ไม่จริง  เพราะมีคนพิการกับคนปกติ
                  ค. 
จริง 
เพราะทุกคนมีสิทธิและเสรีภาพเท่าเทียมกัน
๓๓.  เพศชายและเพศหญิงเมื่อแรกเกิดมีความแตกต่างกันอย่างไร
?
                    ก.   รูปร่าง                    ข.  หน้าตา                     ค.  อวัยวะที่บ่งบอกเพศ
๓๔.  กิจกรรมชนิดใดเป็น  การเล่นของเด็กผู้หญิง ?
                  ก.  เล่นเตะฟุตบอล
                  ข.  เล่นขายของ
             
    ค.  เล่นต่อสู้
๓๕.  ข้อใดคือการแสดงออกทางอารมณ์  ของเด็กผู้ชาย ?
                  ก.  ร้องไห้เมื่อถูกพ่อแม่ดุ
                  ข.  ใจเย็น 
ไม่โกรธง่าย
                  ค.   ชอบเอาชนะและต้องการเป็นผู้นำ
๓๖.  น้ำเสียงการพูดเพศหญิงกับเพศชายต่างกันอย่างไร ?
                 
ก.  ผู้ชายตัวใหญ่กว่าผู้หญิง
                 
ข.  ผู้หญิงมีเสียงเล็กกว่าผู้ชาย
                 
ค.  ผู้หญิงยิ้มแย้มมากกว่าผู้ชาย
๓๗.  การเคลื่อนไหวร่างกายเพื่อทำกิจกรรมต่างๆ
ในชีวิตประจำวันแบ่งได้กี่ประเภท ?
                   ก.  ๓ 
ประเภท              
                   ข. 
๔  ประเภท                      
                   ค.  ๕ 
ประเภท 
๓๘.  การเตะตะกร้อเป็นการเคลื่อนไหวแบบใด ?
                   ก.  แบบเป็นทีม
                   ข.  แบบเป็นคู่
                   ค.  แบบใช้อุปกรณ์
๓๙.  ข้อใดเป็นการเคลื่อนไหวอยู่กับที่ ?
                   ก.  กวาดบ้าน
                   ข.  เตะตะกร้อ
                   ค.  ก้มตัว                     
๔๐.  การเคลื่อนไหวร่างกายด้วยท่าทางใด  ต้องใช้กำลังมาก ?
                   ก.  การซอยเท้าอยู่กับที่
                   ข.  การกระโดดไกล
                   ค. 
การหมุนเอว
 ๔๑.  
ก่อนเล่นเกมหรือกีฬา 
นักเรียนควรต้องศึกษาข้อใด ? 
                   ก.  ประวัติผู้เล่น
                   ข.  กฎและกติกา
                   ค.  อุปกรณ์ที่ใช้ประกอบ
 ๔๒.  
ข้อใดคือประโยชน์ที่ได้จากการเล่นเกม ?
        
          ก. 
รู้จักการเสียสละ  และมีน้ำใจนักกีฬา
                   ข.  ช่วยสร้างความสามัคคีในหมู่คณะ
  
                ค.  ถูกทั้งข้อ ก. และข้อ
ข.
๔๓.   การอบอุ่นร่างกายควรทำเมื่อใด ?
          
        ก.  ก่อนเล่นเกมหรือกีฬา
    ข.  ก่อนรับประทานอาหาร
            
      ค.  ก่อนอาบน้ำ
๔๔. เพราะเหตุใด ก่อนทำกิจกรรมต่างๆเราจึงควรอบอุ่นร่างกาย ?
ก. เพื่อให้มีพลังมาก
ข. เพื่อให้อาหารย่อยเร็วขึ้น
ค. เพื่อให้กล้ามเนื้อและอวัยวะต่างๆเตรียมพร้อม
 ๔๕.  
เกมคนขาเก ( เกมกระต่ายขาเดียว ) เกี่ยวข้องกับข้อใด ?
                   ก.  การทรงตัว
    ข.  ความอดทน
                   ค.  ความสามัคคี
๔๖.  
เกมข้อใดต้องใช้ความสามัคคี ?
         ก. เกมลิงชิงบอล
                  ข. 
เกมชักเย่อ
                  ค. 
เกมกาฟักไข่
๔๗.  
กิจกรรมในข้อใดเกี่ยวข้องกับการทรงตัวมากมี่สุด ?
                  ก. 
กระโดดเชือก
                  ข. 
ว่ายน้ำ
                  ค. 
เดินบนถังน้ำมัน
๔๘.  
สถานที่ใดเหมาะสำหรับใช้ในการเล่นเกมต่างๆ 
?
                  ก. 
โรงอาหาร
                  ข. 
สนามหญ้า
                  ค. 
ห้องสมุด
๔๙.  
ข้อใดคือประโยชน์ที่ได้รับจากการเกม “ ลิงชิงบอล ”  ?
                 ก. 
เพื่อให้เกิดความคล่องแคล่ว  ว่องไว
                 ข. 
เพื่อให้เกิดความอดทน
                 ค. 
เพื่อความพร้อมเพรียง
๕๐.  ข้อใดไม่ใช่การออกกำลังกาย ?
       ก.  วิ่งมาราธอน       
                ข. 
วิ่งราว
                ค. 
วิ่งผลัด
 
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น